โครงการน้อมนำความรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ

เศรษฐกิจพอเพียง

    ๑) หลักการและเหตุผล

    ตามที่ ทบ.ได้สนองงานตามพระราชดำริ พระบาทสมเด็จบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ โดยใช้กำลังพลและทรัพยากรที่มีอยู่เข้าร่วมดำเนินการในโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริซึ่ง ทภ.๒ มีบทบาทเป็นแกนกลางในการประสานงานกับส่วนราชการต่างๆ  ทั้งนี้ ทภ.๒ ได้ให้ความสำคัญสูงสุดต่อโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และถือเป็นความสำคัญเร่งด่วนอันดับแรกที่ต้องดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์โดยเร็วที่สุด ปัจจุบัน กองทัพบก ได้มอบหมายให้ นขต. ได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปส่งเสริมและเผยแพร่ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น เพื่อสนองงานตามพระราชดำริมาโดยต่อเนื่องในส่วนที่ ทภ.๒  ซึ่งรับผิดชอบโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน ๔๔ โครงการ จึงได้จัดทำโครงการเพื่อให้ประชาชนได้รับความรู้เพื่อไปปฏิบัติและดำรงชีวิตในปัจจุบันให้ดียิ่งขึ้น จึงเห็นควรจัดทำโครงการ “น้อมนำความรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ”

    ๒) วัตถุประสงค์   

        (๑) เพื่อพัฒนาองค์ความรู้และสร้างกระบวนการเรียนรู้ในกลุ่มสาขาอาชีพต่างๆ
ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ให้กับสมาชิกและราษฎร
ที่เป็นแกนนำของหมู่บ้านเข้ารับการฝึกอบรม

        (๒) เพื่อพัฒนาอาชีพทางภาคการเกษตร และนอกภาคการเกษตร ของสมาชิกและราษฎรให้สามารถเลือกกิจกรรมในการดำเนินงานให้เหมาะสมกับสภาพภูมิสังคมของแต่ละพื้นที่

        (๓) เพื่อให้แกนนำส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนและขยายผลให้กับราษฎรอื่นๆ ในการประกอบอาชีพ โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค, ส่งเสริมการเกษตรและเกษตรทฤษฎีใหม่ที่เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่, ส่งเสริมการศึกษาและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ร่วมถึงอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการส่งเสริมการคุ้มครองและรักษาน้ำ ดิน เกษตร ป่าไม้ พลังงานทดแทนและสิ่งแวดล้อม อย่างมีภูมิคุ้มกันและยั่งยืน

    ๓) การปฏิบัติงาน

        การปฏิบัติ ทภ.๒ (ศปร.ทภ.๒)  จัดเจ้าหน้าที่และวิทยากรไปอบรมชี้แจงสมาชิกและราษฎร ใน ๒ พื้นที่หลัก คือ  พื้นที่ภาค ตอ./น. ตอนบน  และ พื้นที่ภาค ตอ./น. ตอนล่าง ๓ เดือน/ครั้ง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ได้มีแนวทางในการประยุกต์ความรู้และเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนและขยายผลให้กับราษฎร รายอื่นๆ ในการประกอบอาชีพ โดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดังนี้

(๑) ส่งเสริมการเกษตรผสมผสาน และเกษตรทฤษฎีใหม่ เหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่

(๒) ส่งเสริมการศึกษาและภูมิปัญญาในท้องถิ่น, ส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน การจัดทำบัญชีครัวเรือน

(๓) ส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สนับสนุนและส่งเสริมการคุ้มครอง และรักษาน้ำ ดิน เกษตร ป่าไม้ พลังงานทดแทนและสิ่งแวดล้อม

    ๔) ผลที่คาดว่าจะได้รับ ประชาชนได้รับความรู้เรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถมีแนวทางในการประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และรับทราบถึงการดำเนินงานของ ทบ. และ ทภ.๒ ในการสนองพระราชดำริ พระบาทสมเด็จบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และรัฐบาลทำให้ราษฎรเกิดความศรัทธาและความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ มีความเป็นอยู่ ที่ดีขึ้น มีความมั่นคงในการประกอบอาชีพอย่างยั่งยืน

    ๕) ตัวชี้วัดและเกณฑ์การวัด

(๑) เชิงปริมาณ ทภ.๒ จัดผู้แทน พร้อมเจ้าหน้าที่ออกไปให้ความรู้เรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใน ๒ พื้นที่หลัก ได้แก่ พื้นที่ภาค ตอ./น. ตอนบน กระทำในพื้นที่ จว.อ.ด. ๒) และ พื้นที่ภาค ตอ./น. ตอนล่าง กระทำในพื้นที่ จว.ส.ร. จำนวน ๔ ครั้ง

(๒) เชิงคุณภาพ ประชาชนได้รับทราบความรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และทราบถึงการดำเนินงานของ ทบ. และ ทภ.๒ ในการสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร และรัฐบาล ทำให้ราษฎรเกิดความศรัทธาและความจงรักภักดีในสถาบันพระมหากษัตริย์ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

                      เป็นที่ทราบกันดีว่าในห้วงระยะเวลามาที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ได้เสด็จมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นทีโครงการฯ เสมอมในสถานการณ์ปัจจุบัน การติดตามงานตามโครงการของพระองค์ท่าน คงไม่สามารถเสด็จมาทรงงานด้วยพระองค์เองได้แต่ก็ยังคงมีพระบรมวงศานุวงศ์ หมุนเวียนเสด็จมาติดตามงานอย่างต่อเนื่อง

                      ดังนั้นจึงอยากจะขอให้ทุกหน่วยได้น้อมนำพระราชดำริ พระราชเสาวนีย์ มาดำเนินการอีกทั้งยังเป็นการปฏิบัติงานตามสั่งการของกองทัพบก และกองทัพภาคที่ ๒ จึงขอให้ ศปร.เขตพื้นที่ ทั้ง ๑๕ หน่วย ให้ความสำคัญ โดยพิจารณาใช้ศักยภาพของหน่วย ในการประสาน ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนบูรณาการในทุกๆมิติ มาดำเนินการทั้งเรื่องกิจกรรม โครงการ งบประมาณ และอื่นๆ เพื่อให้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ดำรงอยู่อย่างมั่นคง และพัฒนาอย่างยั่งยืน ยิ่งๆขึ้นไป สัมฤทธิ์ผลตามพระราชประสงค์ พระราชปณิธานของทุกพระองค์ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” ให้ราษฎรของพระองค์ท่าน อยู่เย็นเป็นสุข ประเทศชาติมีความเจริญ มั่นคง ยั่งยืน ต่อไป